สาระน่ารู้ จาก ไบนารี่เอ็นจิเนียริ่ง สแตนเลสตามสั่ง
เป็นที่ทราบกันดีว่า "สมอง" จะมีการพัฒนาสูงสุดถึง 80% ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึง 3 ขวบปีแรก และสุดยอดอาหารสำหรับทารกและการพัฒนาสมองที่มีประโยชน์ที่สุด ตามธรรมชาติก็คือ "น้ำนมแม่" ซึ่งคุณแม่ควรจะให้นมลูกรักเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน เพราะในน้ำนมแม่มีสารอาหารที่สำคัญกว่า 200 ชนิดต่อการเจริญเติบโต ภูมิคุ้มกัน อนุมูลอิสระที่จำเป็นสำหรับทารก
และเมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้มีเรื่องที่ย้ำถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดย ศ.เจฟฟรีย์ เคลกฮอร์น ผู้อำนวยการสถาบัน Institute of Health & Biomedical Innovation for Child Health Research Centre of Queensland University of Technology ประเทศออสเตรเลีย ได้ออกมาเปิดเผย ถึงงานวิจัยทางการแพทย์ว่า มีการค้นพบสารอาหารบำรุงสมองในนมแม่ ได้แก่ "MFGM" หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนม ที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด ทำหน้าที่ช่วยสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยสมอง ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งสัญญาณประสาท โดยจากการศึกษาในห้องปฏิบัติ การพบว่า เมื่อ MFGM ทำงานร่วมกับ DHA จะช่วยเสริมการเชื่อมต่อเซลล์สมองเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่า เด็กที่ได้รับประทานนมที่มี MFGM และ DHA นอกเหนือจากจะมีการพัฒนาความฉลาดได้อย่างเต็มระบบ ยังมีความฉลาดทางอารมณ์ พออายุ 2.5-6 ปี ก็จะมีสมาธิจดจ่อมากขึ้น ไม่ก้าวร้าวและอารมณ์ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานสู่การพัฒนาที่ดีในแง่ทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กในอนาคต
สำหรับคุณแม่หลังคลอดบางท่านที่มีน้ำนมไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวได้ หรือถูกห้ามในการให้นมเนื่องจากติดเชื้อบางชนิด รศ.นพ.สรายุทธ สุภาพรรณชาติ หัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ก็ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เอื้อให้สามารถสกัด MFGM เติมในผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็กได้ หากคุณแม่ไม่สามารถให้นมได้ ควรให้นมผสมที่มีความใกล้เคียงกับนมแม่ ก็จะช่วยพัฒนาสมองและพัฒนาการได้ใกล้เคียงกับเด็กที่ดื่มนมแม่
อนึ่ง MFGM ช่วยในขบวนการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองนับแสนล้านเซลล์ ยิ่งเซลล์สมองมีการเชื่อมต่อมากขึ้นและเร็วขึ้นเท่าไร พัฒนาการทางสมองของเด็กก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ที่มา : http://www.thaihealth.or.th